นักมวยสร้างชื่อเสียง นี่คือบุคคลที่นำชื่อเสียงมาสู่วงการมวยบ้านเรา จะเป็นนักมวยคนไหน?
นักมวยสร้างชื่อเสียง เมื่อพูดถึง นักมวยคนไทย ที่ไปสร้างชื่อเสียง ในเวทีระดับโลก เป็นคนแรกๆของประเทศของเราเลย ก็คงต้องยกให้กับ นักชกคนนี้ โผน กิ่งเพชร หรือชื่อจริงๆของเขาก็คือ มานะ สีดอกบวบ พื้นเพเดิม เป็นคนจังหวัดประจวบคิรีขันธ์ เข้าสู่วงการมวย อย่างจริงจัง ร่วมกับค่ายมวย “กิ้งเพชร” โดยผู้ก่อตั้งค่ายดังกล่าว ก็คือ ทองทศ อินทรทัต เขาได้ตั้งชื่อให้กับโผน
ตามชื่อของน้องชาย ที่เป็นนายทหารนามว่าพันตรีโผน อินทรทัต นั่นเอง กว่าจะมาเป็นนักชกที่สร้างชื่อ ให้กับประเทศ โผนได้รับการฝึก โดยครูมวยฝีมือดีอย่าง นิยม ทองชิตร์ ผู้ซึ่งฝึกสอนในปี 2498 จนกระทั่งโผน ได้เริ่มขึ้นชก ในศึกมวยอาชีพของประเทศไทย
ซึ่งเป็นการชิงแชมป์รุ่นฟลายเวท และก็เป็นไปตามคาด ที่โผนเอาชนะน็อค นกนิด ท.ส. เป็นการน็อคในยกที่ 2 ซึ่งค่อนข้างเป็นเวลาที่เร็วพอสมควร สำหรับผลงาน ที่เป็นการชกครั้งสำคัญ นับว่า เป็นหนึ่งในครั้งประวัติศาสตร์ ของนักชกคนนี้ ก็คือการที่
ได้ขึ้นชกเพื่อชิงแชมป์โลกครั้งแรก รุ่นฟลายเวท กับปาสคาล เปเรส ต่อหน้าพระที่นั่ง ณ เวทีมวยลุมพินี และกก็เป็นโผน ที่กำชัยชนะในการชกครั้งนั้น และเจ้าตัวยังครองแชมป์ราการดังกล่าว ได้ติดต่อกันถึง 3 สมัย จนทำให้เจ้าตัส ถึงกับนำเงินที่ได้จากการชก
มาสร้างโรงเรียนที่บ้านเกิด คืออ.หัวหิน ชื่อโรงเรียนานะวิทยา และได้เสียชีวิตลง ในปี2525 นับว่าเป็นบุคลากรของวงการมวย ที่น่าจดจำอย่างยิ่ง
นักมวยสร้างชื่อเสียง ตำนานนักมวยสร้างชื่อ และไปคว้าแชป์คิกบ็อกซิ่งที่ประเทศญี่ปุ่น เขาผู้นี้คือใคร?
เชื่อเหลือเกินว่าในบรรดา นักมวยแนวหน้า ชั้นนำของประเทศไทยหนึ่งในนั้นจะต้องมี ลิสต์รายชื่อของนักกคนนี้ ดีเซลน้อย ช.ธนะสุกาญจน์ เป็นที่รู้จักกันดีว่า ฉายาของเขาก็คิอ ขุนเข่าทะลุฟ้า นักมวยร่างโย่งคนนี้ มีส่วนสูงถึง 187 เซนติเมตร ซึ่งถือว่าสูงมาก
ในบรรดานักมวยไทยด้วยกัน และด้วยความสูงนี้ล่ะ จึงทำให้เขา ได้เปรียบคู่ต่อสู้ ในการขึ้นชกอยู่เสมอๆ ชื่อเล่นของเขาก็คือ เจ้าต้อย ธนากร สอนดี เกิดเมื่อวันพุธที่ 27 ธันวาคม 2504 เป็นคนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อเส้นทางชีวิต พลิกผันไปอย่างไม่คาดฝัน
เจ้าตัวจึงจำเป็นต้องเลือก ว่าจะบวชเรียน หรือชกมวย แต่ด้วยความที่ว่า คอ่นข้างจะกลัวผี จึงหันเหมาทางมวย โดยในสมัยนั้น เจ้าตัวยังเรียนอยู่เพียงแค่ ชั้นป.1 พี่ชายก็ได้เคี่ยวเข็ญ ให้เจ้าต้อยได้มาฝึกซ้อมมวย เพราะอยากที่จะให้น้องนั้น เก่งให้เร็วที่สุด
แต่ก็ค่อนข้างที่จะหนักหน่วง ถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลกันเลยทีเดียส จนกระทั่งเจ้าตัว เรียนอยู่ชั้นป.5 ก็ต้องย้ายตามพี่ชาย ไปอยู่ที่จ.ตราด เจ้าตัวก็ยังคงถูกเคี่ยวเข็ญให้ซ้อมมวย จนถึงขั้นว่า เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ว่าจะย้ายไปอยู่ไหน
ตัวเขาเองก็ยังคงต้องซ้อมมวยอยู่ร่ำไป พี่ชายจะดุมาก ให้ซ้อมอยู่ตลอด และได้ตระเวนชกทั่วทั้งเวทีของภาคตะวันออก จนกระทั่งเริ่มได้เข้ามาชกที่ เวทีมายราชดำเนิน เจ้าตัวก็คว้าแชมปืมวยไทย รุ่นไลต์เวตมาครองได้สำเร็จ โดยชนะคะแนนนักชกชื่อดังอย่าง
ขาวผ่อง สุทธิชูชัย อีกด้วย และแชมป์อีกรายดาร ที่เจ้าตัวสามารถคว้ามาคริงได้สำเร็จ ก็คือแชมป์มาร์เชียลอาร์ต รุ่นไลต์เวต เมื่อปี 2525 โดยมีนักชกจาก 4 สัญชาติ ที่เข้ามาร่วมแข่งขันในรายการนี้ ไม่ว่าจะเป็นไทย, สหรัฐอเมริกา, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น นับว่าเป็นนักชกอีกคน ที่วงการมวยไทยจะต้องจารึกไว้
นักมวยสร้างชื่อเสียง นักชกคนนี้ คว้าเหรียญทองแรก จากกีฬามวยสากลสมัครเล่น เดาออกไหมว่าใคร?
คงไม่มีใคร ที่จะไม่รู้จัก นักชกที่มาพร้อมกับ วลีเด็ดที่ว่า “ไม่ได้โม้” ถูกต้องแล้วล่ะ เพราะนี่คือ นักชกที่มีดีกรี คว้าเหรียญทองเหรียญแรกจากกีฬาโอลิมปิก ของกีฬามวยสากล เขาก็คือเจ้าบาส สมรักษ์ คำสิงห์ ความโด่งดัง และสร้างชื่อเสียง ให้กับประเทศของเขา
ในวันนั้น ยังคงเป็นสิ่งที่ เรียกได้ว่า ติดตราตรึงใจ ของแฟนมวยหลายๆคนอย่างแน่นอน เรามาท้าวความ กันในตอนที่ เจ้าบาสได้ก้าวเข้ามา สู่วงการมวยกันดีกว่า เขาได้รับการฝึกฝน กีฬามวยจากผู้เป็นพ่อ นั่นก็คือนายแดง คำสิงห์ และได้เริ่มขึ้นชกครั้งแรก
ในตอนอายุเพียง 7 ขวบเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นตามงานวัด หรืองานประเพณีต่างๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง ได้ถูกทาบทามจากเจ้าของค่ายมวย ณรวค์ยิม อย่างคุณณรงค์ กองณรงค์ ให้มาเป็นนักมวยในสังกัด จนกระทั่งขึ้นชกในนามของ ค่ายมวยส.สกาวรัตน์ครั้งสุดท้าย
และชนะน็อคคู่ต่อสู้ จากนั้นเจ้าตัวก็หันหลังให้กับวงการมวยไทย และก้าวสู่วงการมวยสากลอย่างเต็มตัว เจ้าตัวได้เข้ามาสู่วงการมวยสากลสมัครเล่น ในนามของทีมชาติไทย และได้ร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ในปี 2535 ที่บาร์เซโลน่า การขึ้นชกครั้ดังกล่าว
คือรุ่นเฟเธอร์เวท แต่ในครั้งนั้นก็ทำได้เพียงแค่ผ่านเข้ารอบสองเท่านั้น จนกระทั่งเริ่มเข้าร่วมการแข่งขันรายการอื่นๆเพิ่มขึ้น ทั้งการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 12 และประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ ก็คือขึ้นชกในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ที่เมืองแอตแลนตา
เจ้าตัวก็ได้คว้าเหรียญทองแดงปรกในประวัติศาสตร์ กลับมาบ้านอย่างเต็มภาคภูมิ ถึงปม้ว่าปัจจุบัน เจ้าตัวจะแขวนนวมแล้ว แต่เรื่องราวดังกล่าว ก็ยังจะถูกเล่าขานและจารึกไว้ ในใจแฟนๆมวยชาวไทย
นักชกคนนี้มีดีกรี แชมป์คนที่ 10 ของรายการมวยระดับโลก
หากจะพูดถึง นักมวยชื่อดัง ที่มีฉายาว่า เพชฌฆาตหน้าหยก ก็คงต้องบอกเป็นคำพูดเดิมว่า ไม่มีใครที่จะไม่รู้จัก สามารถ พยัคฆ์อรุณ นักชกจากฉะเชิงเทรา ที่เข้าวงการมวยมาตั้งแต่อายุได้เพียง 11 ปีเท่านั้น เขาคือน้องชายแท้ๆของ ก้องธรณี พยัคฆ์อรุณ
นี่คือหนึ่งในความภาคภูมิใจ ของแฟนมวยชาวไทยหลายๆคน เพราะนับว่าเป็น นักชกที่มีความแข็งแกร่ง และมีทั้งลูกเล่น เทคนิคในการชก ที่แพรวพราวเป็นอย่างมาก ทั้งสายตาที่เฉียบคง และว่องไว สามารถหบลหลีกคู่ต่อสู้ ได้อย่างรวดเร็ว ไม่เพียงเท่านั้น
เขาคือนักชกที่เคยคว้าแชมป์โลกสถาบัน(WBC) รุ่น 122 ปอนด์ จากการเอาชนะน็อก นักชกชาวเม็กซิกันอย่าง กัวดาลูเป ปินตอร์ มาแล้ว อย่างที่บอกไปว่า เขาคือนักชกที่เป็น แชมป์โลกคนที่10 ของไทย และเราจะเห็นเขาได้ ผ่านหน้าจอโทรทัศน์
ผ่านทางงานแสดงต่างๆ ปัจจุบันเขาคือเจ้าของค่ายมวย และนายกสมาคมนายขนมต้มอีกด้วย
นักมวยสองพี่น้องฝาแฝด คงไม่มีใครที่จะไม่รู้จักตำนานที่มีลมหายใจ2คนนี้
ปิดท้ายกันด้วย สองคู่ซี้ฝาแฝดอย่าง เขาทราย-เขาค้อ แกแล็คซี่ คู่แฝดที่เป็นตำนาน และได้สร้างประวัติศาสตร์วงการมวย ว่าเป็นนักชกฝาแฝดคู่แรกของโลก ที่แครองแชมป์โลกในปี 2531 และทั้งคู่ในรุ่นแบนตั้มเวท WBA ต้องบอกเลยว่า ทั้งสองคน
ชื่นชอบในการชกมวย มาตั้งแต่เก็ก และได้มีครูมวยอย่าง ปราการ วรศิริ และมานะ เหลาประดิษฐ์ เข้ามาทำการฝึกสอนให้อย่างจริงจัง ทั้งคู่ยังเผยว่า ด้วยความที่แม่อยากให้ลูกชายฝาแฝด เก่งให้เหมือนกับโผน กิ่งเพชรนั่นเอง ทุกเช้าแม่จะพาไปวิ่ง
และฝึกซ้อมให้ตั้งแต่ยังเด็ก เรามาดูดีกรีแชมป์ของแต่ละคนกันดีกว่า สำหรับเขาค้อ เขาคือแชมป์WBA รุ่นแบนตั้มเวท 2 สมัย และส่วนเขาทรายนั้น เขาคือเจ้าของฉายาซ้ายทะลวงไส้ และได้รับการบรรจุชื่ออยู่ใน หอเกียรติยศ (Hall of Fame)
ของสมาคมมวยโลก ให้เป็นนักชกที่ดีสุดตลอดกาลในรุ่น ซูเปอร์ฟลายเวท 115 ปอนด์ ของสมาคมมวยโลก WBA นับว่าเป็นเกียรติประวัติที่สร้างชื่อ ได้อย่างลือเลื่องจริงๆ